การบริหารคนในองค์กร หรือการบริหารคนในสังคม ต้องมีสิ่งหนึ่งที่อยู่ควบคู่กันคือการใช้กฎ ระเบียบ ข้อตกลงเป็นการควบคุมพฤติกรรมการอยู่ร่วมกันให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งแน่นอนว่า กฎ ระเบียบ ข้อบังคับจะเป็นการลดทอนเสรีภาพบางอย่างของมนุษย์ไปด้วย แต่ถึงกระนั้น กฎก็ยังจำเป็นในการอยู่ร่วมกันของมนุษย์อยู่ดี เพียงแต่ว่า ในแต่ละชุมชน สังคม หรืประเทศจะยอมรับกฎระเบียบต่างๆ ไว้ได้อย่างไร
ผู้บริหารที่ชาญฉลาดต้องทำเข้าใจกับเรื่องนี้ เพื่อให้สามารถควบคุมชุมชนให้อยู่ในพฤติกรรมที่เหมาะสม เหมาะสมกับการพัฒนาองค์กร เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ ของแต่ละชุมชนนั้นๆ ซึ่งปัจจัยพื้นฐานของคงอยู่ของชุมชน สังคมคือ สิทธื เสรีภาพ และความรับผิดชอบ
สิทธิ หมายถึง การได้มีอำนาจของคนเหนือในบางสิ่งบางอย่าง หรือ การที่บุคคลควรได้รับอะไรบางอย่างที่เป็นสิ่งที่บุคคลนั้นสามารถตัดสินใจเองได้ เช่น สิทธืการมีชีวิต หมายถึง บุคคลมีอำนาจเหนือตนเองในการเลือกมีชีวิต เลือกการใช้ชีวิต คนอื่นไม่ควรมาตัดสิดสินในการยติการมีชีวิตได้ สิทธิในแสดงความคิด้ห็น หมายถึง บุคคลย่อมมีอำนาจต่อเหนือความคิดของตนเอง และสามารถนำเสนอออกมาให้คนอื่นได้รับรู้ได้ว่า ตนเองนั้นคิดอย่างไร การที่บุคคลมีสิทธิมากขึ้น นั่นแสดงว่าบุคคลย่อมมีอำนาจมากขึ้นตามไปก้วย จึงไม่ต้องแปลกใจว่า สังคมปัจจุบัน มีความพยายามเรียกร้องสิทธิมากขึ้น ไม่ว่าจะเป้นสิทธิในการแสดงออกทางการเมือง สิทธิในการเติบโตทางการอาชีพของสตรี สิทธิในการปกป้องความปลอดภัยของตัวเอง ซึ่งขริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องด้วยที่คนหรือบุคคลจะได้รับสิทธิเหล่านั้น แต่การที่มีสิทธิมากการเกินไป ก็ใช่ว่เป็นเรื่องที่ดีเสมอไป และการที่มีสิทธิมากๆ เท่ากับมีเสรีภาพมากขึ้นตามไปด้วย
เสรีภาพ หมายถึง พื้นที่ปลอดภัยของตนเองและผู้พื้นที่เราสามารถใช้สิทธิในการแสดงออกได้อย่างเต็มที่ คำว่าพื้นที่ปลอดภัยหมายความว่า เสรีภาพที่แท้จริงไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรก็ได้ในโลกนี้ แต่หมายถึงทำอะไรก็ได้ที่ไม่กระทบต่อเสรีภาพของคนอื่น นั่นหมายความว่า คนเราจะสามารถใช้เสารีภาพได้อย่างเต็มที่ ก็ต่อเมื่อเราเข้าใจสิทธิของคนอื่น และของตนเองอย่างเต็มที่เช่นกัน และข้อมที่สำคัญคือ เราต้องเข้าใจสิทธิของคนอื่นก่อน เพื่อให้รู้ว่าพื้นที่ไหน เป็นพื้นที่ห้ามไปล่วงละเลิดคนอื่น เช่น การที่เราไปพูดพาดพิงในการแสดงออกทางความความคิดเห็นนั้น จะต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ทำให้คนอื่นสูญเสียอำนาจและเสรีภาพ หรือการที่ดราจะไปจอดรถในพื้นที่ส่วนกลาง ก็ต้องรู้ว่า การจอดรถนั้น ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เพราะพื้นที่ส่วนกลางหมายถึง เป็นพื้นที่ทุกคนเป็นเจ้าของ ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำอะไรก็ได้กับพื้นที่ส่วนกลาง เพราะพื้นที่ส่วนกลางมีไว้เพื่อให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากพื้นที่ส่วนนั้น เมื่อเราเข้าใจสิทธิของคนอื่น จึงมาทำความเข้าใจสิทธิของคนเอง ว่าเราทำได้มากน้อยแค่ไหน
หากเราเปรียบเทียบเสรีภาพได้กับร่างกายของเรา เสรีภาพเหมือนกับขอบเขตที่เราทำอะไรก็ได้ตามสิทธิ์ ภายใต้แขนที่เรากางออกไปถึงเท่านั้น ไกลกว่าแขนของเราก็ไม่ใช่เสรีภาพของเรา แต่เมื่อแขนของเราไปสัมผัสกับใครหรืออะไรเข้าเราต้องหดมือเข้ามา นั่นมหมายความว่า เสรีภาพของเราก็มีพื้นที่จำกัดด้ยเช่นกัน!!!
ความรับผิดชอบ เป็นราคาของสิทธิและเสรีภาพ ความรับผิดชอบเป็นการตอบสนองต่อการการทำของตนเอง ต่อหน้าที่ของตนเอง และต่อบุคคลรอบข้างที่รับผลกระทบของตนเอง ความรับผิดชอบ แบ่งออกได้เป็นสองส่วนคือ ความรับผิด และความรับชอบ ความรับผิดหมายถึง รับผลที่เกิดขึ้นจากการทำผิด หรือ การยอมรับผลกระทบที่เกิดขึ้ยจากการใช้สิทธิและเสรีภาพของเรา รวมไปถึงเราต้องไปจัดการผลกระทบด้วยตัวเอง ส่วนการรับชอบคือ การรับผลดีทางบวก และใช้ให้เกิดประโยชน์่อไปในอนาคต ความรับผิดชอบเป็นเรื่องที่สำคัญในการใช้สิทธิเสรภาพของคน
ในมุมของการบริหารคน ผู้บริหารต้องเรียนรู้ศิลปัการให้เสรีภาพที่เมหาะสม เพราะการให้มากเกินไป ก็จะเกิดฌอกาสการกระทำที่ไม่มีความรับผิดชอบ มีแต่จะเอาเสรีภาพเท่านั้น แต่ถ้าให้น้อยไป ก็จะเนการกดดัน และทำให้เกิดความเครียดหรือบางครั้งเรียกว่า การกดขี่ในสังคม ความพอดีของแต่ละแห่งก็จะแตกต่างกันไป ผู้นำ ผู้บริหาร ต้องเรียนรู้การออกแบบเสรีภาพแบบที่เหตุผล ที่สมาชิกของสังคมได้เข้าใจว่า การสละเสรีภาพของต้นเองไปนั้น จเปิดประโยชน์อะไรกลับมาเป็นการตอบแทน
ดร.นารา