ในการทำงาน ผมชอบเอาเรื่องของมังกรหยกตอนนี้เอี้ยก้วย ไปพบหลุมศพของ ต๊กโกวคิ้วป้าย และพบว่ามีกระบี่ 4 เล่มพร้อมข้อความสลักไว้ดังนี้
เล่มที่ 1 เป็นกระบี่เปล่งประกายสีเขียว เป็นอาวุธที่คมกล้า “เกรี้ยวกราดรุนแรง ทำลายล้างทุกสิ่ง เมื่อวัยหนุ่มฉกรรจ์ ใช้ชิงชัยกับเหล่าผู้กล้าแคว้นฮ่อซวก”
เล่มที่ 2 กระบี่อ่อนกุหลาบม่วง “ใช้ก่อนอายุสามสิบ แต่ทำร้ายคนดี เป็นสิ่งอัปมงคล ทิ้งลงหุบเหว”
เล่มที่ 3 กระบี่หนักเหล็กนิล “กระบี่หนักไร้คม ใช้ได้คล่องแคล่ว ฝีมือการสร้างไม่ประณีต ใช้ก่อนอายุสี่สิบ พิชิตทั้วแผ่นดิน”
เล่มที่ 4 กระบี่ไม้เปื่อยผุเป็นแค่กระบี่ไม้ธรรมดาเท่านั้น
“ใช้หลังอายุ 40 กิ่งไม้ ใบหญ้า ก้อนหิน ต่างใช้เป็นกระบี่ได้ นับแต่นี้คร่ำเคร่งฝึกปรือ เข้าสู่ขั้นไร้กระบี่อยู่เหนือมีกระบี่”
ต๊กโกวคิ้วป้าย เป็นจอมยุทธ์ที่สามารถชนะทั้งอธรรมและคุณธรรมทั้งแผ่นดิน แสดงว่าเป็นจอมยุทธ์ที่มีผลงานสูง จึงเอามาเปรียบเทียบกับคนเก่ง หมายความว่า คนเก่งเองก็ต้องมีวิชาในการสร้างผลงานเช่นกัน
กระบี่ 4 เล่ม สอนอะไรกับคนเก่ง
- เล่มแรก คนเก่ง ต้องเรียนรู้การใช้เครื่องมือต่างๆ ในการทำงานที่สามารถสร้างผลงานได้รวดเร็ว ให้ได้ความเจริญก้าวหน้าและมีฝีมือที่โดดเด่น
- เล่มที่สอง เป็นเล่มที่โยนทิ้งหุบเหว นั่นคือ การสร้างผลงานไม่ใช่การทำร้ายคนอื่น ไม่ใช่การทำให้คนอื่นจมเหวหรือสูญสลายไป คนเก่งจริงจะไม่ทำแบบนั้น
- เล่มที่สาม เป็นเล่มที่ทำให้เข้าใจถึงความเรียบง่ายของการทำงาน ไม่ต้องสร้างอะไรที่สวยหรู แต่ตรงๆ ทื่อๆ แต่สามารถพลิกแพลงได้อย่างคล่องแคล่วในการทำงานจนสามารถสร้างผลงานได้จะความสามารถของเราเอง
- เล่มที่สี่ ไม่มีกระบี่ก็เหมือนมี เข้าใจถึงสรรพสิ่ง กลไก และแก่นแท้ของงาน สามารถประยุกต์ทุกอย่างมาเป้นกระบี่ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน
ดังนั้น กระบี่ 4 เล่ม กำลังบอกว่า คนเก่งคือคนที่เข้าใจแก่นแท้ของตัวเอง และสามารถทำอะไรให้เกิดประสิทธิภาพ ด้วยสติ และปัญญา ไม่ใช่สักแต่ทำ และทำให้หนักขึ้น แต่กลับต้องทำด้วนการคิด การเข้าใจ และการยุกต์ใช้ด้วนเหตุผลที่แท้จริง
คนเก่งจึงไม่ต้องทำงานหนัก แต่ต้องฝึกให้หนัก เพื่อว่า เมื่อเวลาจริงที่ต้องใช้วิชา จะพลิ้วเยาเหมืนขนนกที่ไม่ยึดติดกับกระบวนการเดิมๆ
#เก่งคิด #เก่งงาน #เก่งคน
#เพจปั้นคนเก่ง
ดร.นารา กิตติเมธีกุล