สิ่งที่เรามักจะพบกันบ่อยๆ ว่า ตอนนี้ชีวิตกำลังมีปัญหา ธุรกิจกำลังมีปัญหา เราต้องอดทนเพื่อก้าวข้ามปัญหา ซึ่งมันก็เป็นวิธีการที่ถูกต้องวิธีการหนึ่งในการแก้ปัญหา แต่ก็ไม่ใช่วิธีการที่ถูกที่สุด
การใช้การอดทนในการแก้ปัญหา จะได้ผลก็ต่อเมื่อเราอดทนจนเวลาผ่านไปแล้วปล่อยให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปจนต้นเหตุของปัญหาหายไปกับสภาพแวดล้อมด้วยแบบนี้ทำให้การอดทนในการแก้ปัญหาจะใช้ได้ผล
แต่ทุกปัญหาไม่สามารถทำแบบนี้ได้ด้วย 2 เหตุผลคือ 1) สาเหตุของปัญหาไม่ได้อยู่ที่สภาพแวดล้อม แต่อยู่ที่ตัวของบุคคลหรือตัวของธุรกิจเอง และ 2) ความสามารถในการอดทนมีไม่ยาวพอที่จะรอให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยน เราเป็นจะต้องพ่ายแพ้ไปเสียก่อน แบบนี้การอดทนจึงไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหา
อ้าวแล้วทำไมใครๆ ก็ใช้การอดทนหละ ก็เพราะว่า การอดทนคือการไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ใช้วิธีการเดิม ส่วนใหญ่แล้ว มนุษย์เราทุกคนเมื่อเจอปัญหาจะเริ่มต้นด้วยการอดทนก่อน จนกว่าจะเริ่มทนไม่ไหวแล้วถึงจะเริ่มหาวิธีการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ต่างกันแต่ว่า ใครจะทนนานกว่ากัน หรือ ทนได้นานกว่ากัน
ดังนั้น การใช้วิธีการแก้ปัญหาการอดทน จึงไม่สามารถใช้ได้กับกรณีดังต่อไปนี้
- สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและจะไม่เปลี่ยนกลับมาอีก
- ต้นเหตุของปัญหาอยู่ที่ตัวบุคคล
- ความสามารถในการทนทานต่อปัญหามีน้อย เช่น เงินไม่พอ
- ยิ่งทนปัญหายิ่งมาก สถานการณ์ยิ่งแย่
นี่คือสาเหตุที่การใช้การอดทนแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วเราต้องทำยังไงหละ
- ทำโดยการสังเกตุดูว่า ถ้าอดทนแล้วสถานการณ์แย่ลง แปลว่า การอดทนไม่ใช่คำตอบที่ดี
- ค้นหาว่าสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงแล้วอยู่ที่ไหน
- สร้างความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหานั้นๆ ซึ่งอาจจะเป็นอีกเรื่องหรือเปลี่ยนแปลงไปเลยจะสิ่งเดิมที่ทำอยู่
- ไม่หนีกับปัญหา เพราะหนีไป ปัญหาก็ตามทันอยู่ดี เนื่องจากปัญหาเป็นเรื่องของเรา ดังนั้น เราไปอยู่ที่ไหน ปัญหาก็ตามไปถึงที่นั่น
- ลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลง
เมื่อเราฝึกทำแบบนี้บ่อยๆ เราเองจะเป็นคนที่ไวต่อปัญหาและรู้ว่า ปัญหานี้ควรจะอดทนต่อ หรือปัญหานี้ต้องรีบจัดการ เพราะหากเราจัดการเร็วเกินไปในทุกเรื่อง เราจะกลายเป็นคนไม่อยู่กับร่องกับรอย หากเราจัดการช้าเกินไป ทุกย่างจะสายเกินแก้
ดร.นารา กิตติเมธีกุล