บทเรียนจากการเลือกตั้งสู่การปรับตัวทางธุรกิจ

แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีความน่านใจหลายอย่างที่สะท้อนถึงความคิดคนในประเทศไทย และสามารถนำมาสู่การจัดการธุรกิจที่ต้องสอดคล้องกับพฤติกรรมสังคมในปัจจุบันไปถึงอนาคต

หากเราวิเคราะห์กัน เราจะถามกันว่า อะไรทำให้ก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง หากดูจากคะแนนเสียงของ สส. บัญชีรายชื่อ มีมากกว่า 14 ล้านเสียง จากผู้มีสิทธิออกเสียง 52 ล้านเสียง แล้วใครหล่ะใครหล่ะเป็นผู้เลือกก้าวไกล

ค่อนข้างชัดเจนสำหรับคนที่เลือกก้าวไกล จะเป็นคนรุ่น Gen X ปลายๆ Gen Y และ Gen Z รวมไปถึง กลุ่มที่เป็น First Time Voter เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ได้ สส. บัญชีรายชื่อไปถึง 39 คน จาก 100 (ตัวเลขก่อนการรับรองผลจาก กกต.) ในอีกด้านหนึ่ง สส. แบบเขต ได้มาเพียง 113 คน จาก 400 เรียกว่าสัดส่วนแตกต่างกันอย่างมาก

แต่อย่างไรก็ตาม เรียกว่า กลุ่มนี้เป็นสัดส่วนถึง 40% ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่กำลังจะเข้ามีบทบาททางเศรษฐกิจในอีกไม่นานนี้ เรียกว่าอนาคตของชาติจริงๆ

อะไรทะให้คนกลุ่มนี้ถูกใจก้าวไกล เป็นคำถามที่น่าสนใจ เป็นเพราะ ประเด็นประชาธิปไตยจริงหรือ หรือว่า เปนประเด็นร้อน 112  จากการวิเคราะห์น่าจะมีส่วน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงช่วงหาเสียงเท่านั้น ตัวแปรที่ให้เกิดเหตุการณ์นี้มันสะสมมาตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3.0 หรือยุค Dot Com

เมื่อข้อมูลของโลกได้ขึ้นไปอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่การกำเนิก Google ในปี 1998 ทำให้ระบบการรับรู้ข้อมูลของคนทั้งโลกได้เปลี่ยนแปลงไป เด็กในวันนั้นที่ได้เรียนหนังสือตั้งแต่มหาวิทยาลัยลงไป ได้เรียนรู้การเข้าถึงข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปัจจุบันวันนี้ คนกลุ่มนี้ก็มีอายุประมาณ 45-47 ปี ลงมา

มนุษย์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการเข้าถึงข้อมูลอย่างมาก เรียนรู้การรับรู้ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ่น ตามมาด้วยการไม่เชื่อคน แต่เชื่อเครื่อง เพราะเครื่องสามารถให้ข้อมูลได้ละเอียด มีหลักฐาน สามารถนำมาเปรียบเทียบได้ง่าย และที่สำคัญ เร็วทันใจเป็นอย่างมาก

จะเห็นได้ว่า เด็กๆ เยาวชนปัจจุบัน จะไม่ฟังคำสั่งแล้ว แต่จะฟังว่า ที่ให้ทำ มีเหตุผลอะไร เอาทฤษฎีอะไร และหลักการอะไรมารองรับ มีความเชื่อในความเป็นอิสรชน เชื่อในเรื่องสิทธิเหนือร่างกายของตัวเอง เชื่อในหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ต้องพิสูจน์ได้ และที่สำคัญ ต้องการสิ่งที่เรียกวาสร้างสรร แปลกใหม่แต่ดูดี ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ

ผู้ใหญ่หลายคนเลยบอกว่า เด็กสมัยนี้ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ จริงๆ ไม่ใช่ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ แต่พ่อแม่ต้องเถียงแข่งกับอินเตอร์เน็ต และมีหลักฐานชัดเจนในการอธิบายได้ว่า ที่ห้าม ไม่ดี สิ่งนั้น ไม่ดีอย่างไรเป็นที่ประจักษ์

การเลือกตั้งสะท้อนภึงพฤิตกรรมได้อย่างชัดเจนสำหรับกลุ่มนี้

ในทางธุรกิจ หากมองว่าคนกลุ่มนี้คือเป้าหมายในการขายและเป็นลูกค้าคนสำคัญทั้งปัจจุบันและอนาคต ธุรกิจต้องเรียนรู้ในการปรับตัวเอง ให้สินค้า และบริการของตัวเองมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  1. เห็นผลทันที เพราะคนกลุ่มที่กล่าวถึงมานี้ ถูกฝึกให้ทำอะไรเร็ว ไม่ต้องรอ ดั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลการใช้สินค้าและบริการ หรือ การสื่อสาร ต้องเข้าเป้าตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อม ไม่ต้องแปลความหมายมากมาย
  2. ไม่จำเป็นต้องดีที่สุด แต่ขอให้ตอบโจทย์ได้ เพราะพวกเขาพร้อมที่จะลอง และสื่อสารย้นอกลับได้ตลอดเวลา แต่ว่าต้องมีช่องทางในการสื่อสารที่รวมเร็วเข้าถึงง่าย ตอบสนองไว พร้องทั้งปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างเร็ว เห็นได้ชัดตลอดเวลา
  3. มีความสม่ำเสมอ เพราะเมื่อธุรกิจได้บอกถึงสรรพคุณของตนเองแล้ว จะถูกจับจ้องตลอดเวลา นั่นหมายความว่า พูดอย่างไรต้องเป็นแบบนั้น เพราะข้อมูลมันถูกกระจายไปโลกออนไลน์หมดแล้ว ถ้าทำผิด กลุ่มคนเหล่านี้ก็พร้อมที่จะเอาหลักฐานมาโจมตีได้ทันที ยิ่งดัง ยิ่งโดนจับจ้อง
  4. ทำอะไรต้องพิสูจน์ได้ มีหลักการ มีเหตุผล จะทำให้คนกุล่มนี้เชื่อ แต่ถ้าพูดลอยๆ อธิบายไม่ได้ รับรองเลยว่าไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด เพราะคนกลุ่มนี้ เคยชินกับการศึกษาข้อมูลในปริมาณมากๆ และพร้อมที่ทำข้อมูลซ้ำให้คนอื่นได้เชื่อตามเช่นกัน

ทั้งหมดนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนตัว แต่ละท่านมีสิทธิที่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้

ดร.นารา

SHARE THIS